เป็นเรื่องธรรมชาติที่ สาวๆทุกคน รวมไปถึงหนุ่มๆหลายๆคน
จะต้องการรักษาความหล่อความสวยให้อยู่กับตัวเองไปนานๆ
หรือหาวิธีที่ช่วยทำให้ตัวเองดูดีและมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น Admin
เลยมีความรู้ดีดี เกี่ยวกับผักผลไม้ เพื่อความงาม มาฝากกันกันค่ะ ^__^”

ที่
จริงแล้ว ผัก-ผลไม้แทบทุกชนิดล้วนดีต่อสุขภาพและความงามทั้งนั้น
เพราะนอกจากวิตามิน แร่ธาตุที่มีอยู่คละเคล้ากัน
ก็ยังมีกากใยที่ช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย
แต่มันอาจดูยุ่งยากสำหรับใครหลายคนที่ต้องการจะรับประทานเพื่อมุ่งเน้น
เรื่องความงาม เนื่องจากผลไม้ในโลกมีมากมายหลายชนิด
จะซื้อจะดื่มให้ครบทุกอย่างคงจะเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น
การเลือกสิ่งที่ดีในจำนวนพอเหมาะ ก็เลยเป็นเรื่องที่สามารถทำได้
10
ผัก-ผลไม้ที่เป็นสุดยอดในด้านการให้ประโยชน์ด้านความงามในที่นี้มีทั้งสาร
อาหารหลากหลายที่เกี่ยวข้องกับความงาม
และเป็นประโยชน์ต่อการทำงานของส่วนต่างๆ รสชาติดี สีสันชวนลิ้มลอง ก็ได้แก่
- บลูเบอร์รี่
อุดม
ไปด้วยสารแอนโทไซยานิน
สารต้านอนุมูลอิสระที่มีอนุภาพในการต้านความเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง
ช่วยในการทำงานของหลอดเลือดให้สมบรูณ์และช่วยให้การทำงานของวิตามินซี
ในการเสริมเสร้างคอลลาเจนสมบรูณ์
และกรดผลไม้ในบลูเบอร์รี่ยังกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังชั้นนอกหลุดลอกเร็วขึ้น
ด้วย
ไม่เฉพาะต่อผิวหนังเท่านั้น
บลูเบอร์รี่ยังช่วยพัฒนาการทำงานของสมอง และมีประโยชน์ต่อดวงตา
เพราะใบบลูเบอร์รี่อุดมไปด้วยเยต้าแคโรทีน ใยอาหาร
ในผลก็ยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล
2.
แบล็คเคอร์เรนท์ เป็น
แหล่งอาหารที่มีวิตามินซีสูง โดยในแบล็คเคอร์เรนท์ 100 กรัม
จะมีวิตามินซีสูงถึง 200 มิลิกรัม หรือมากกว่าส้ม ถึง 4
เท่าโดยเป็นที่รู้จักกันดีว่าวิตามินซีช่วยต้านอนุมูลอิสระ ซ่อม
สร้างเนื้อเยื่อ ซ่อมแซมเซลล์ และมีสาร ฟลาโวนอยด์
ซึ่งช่วยปรับสภาพของเส้นเลือดและผิวพรรณ รวมทั้งมีโพแทสเซียม
ที่ช่วยรักษาน้ำในร่างกาย และลดความดันโลหิต
3. ทับทิม 
นอก
จากวิตามินบ๊ 1 วิตามินบี 3 และวิตามินซีแล้ว
ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังมาก นั่นคือ มีกรด แอลลาจิกในปริมาณสูง
ซึ่งกรดแอลลาจิกนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า
สามารถกำจัดสารก่อมะเร็งและป้องกันโรคหัวใจในระยะเริ่มต้นได้
นอกจากนี้สารต้านอนุมูลอิสระในทับทิมยังทำหน้าที่ปกป้องผิวจากการทำลาย
ของอนุมูลอิสระโดยตรง อีกทั้งยังช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด
4.
องุ่น ใน
ส่วนที่เกี่ยวข้องกับความงามแล้ว องุ่นเป็นผลไม้ที่ช่วยชะลอความแก่
เนื่องจากมีซีลีเนียมที่ทำหน้าที่ในการปกป้องผิวพรรณจากรอยเหี่ยวย่น
อีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังในปริมาณมาก
ในผลองุ่น
มีน้ำและใยอาหารสูง
จึงเป็นตัวช่วยที่ดีในการล้างพิษออกจากทางเดินอาหารและตับในองุ่น
มีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมนุษย์
ดังนั้นการรับประทานเป็นประจำก็จะทำให้ร่างกายแข็งแรง สมองความจำดี
อวัยวะภายใน ไม่ว่าจะเป็นตับหรือหัวใจแข็งแรง
ซึ่งส่งผลให้ความชรามาเยือนช้าลง
5. บีทรูท 
แม้
ไม่ได้วิตามินเอ หรือซี
แต่บีทรูทมีคุณสมบัติในการบำรุงความงานอย่างที่มองข้ามไม่ได้ นั่นคือ
มีซิลิกอนซึ่งช่วยทำให้เนื้อเยื่อเกาะตัวกันได้ดี คอลลาเจนแข็งแรงขึ้น
ดังนั้นจึงช่วยชลอการเกิดรอยตีนกา และผิวหนังเหี่ยวย่น
อีกทั้งยังช่วยพยุงและเสริมความแข็งแรงให้กับเส้นผมและเล็บที่กำลังงอก
นอกจากนี้ บีทรูทยังทำหน้าที่ในการฟอกโลหิตเสริมสร้างความแข็งแรงของตับและไต ซึ่งทำให้ร่างกายแข็งแรง และผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส
6.
ฝรั่ง
เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมาก
และให้พลังงานต่ำโดยปริมาณของวิตามินซีในฝรั่ง จะสูงกว่าส้มราว 5 เท่า
ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่า วิตามินซีนั้นเป็นวิตามินเพื่อความงามโดยแท้
เพราะจะช่วยให้ร่างกายผลิตและบำรุงรักษาคอลลาเจนให้สมบรูณ์
โดยคอลลาเจนนี้จะมีหน้าที่หลักในการยึดเซลล์ผิวหนัง เหงือก
และเส้นเอ็นให้แข็งแรง
นอกจากนี้วิตามินซียังช่วยเซลล์เม็ดเลือด
ขาวในการต่อสู้กับเชื้อโรค ทำให้แผลหายเร็วขึ้น
พร้อมๆกับทำหน้าที่ในการต้านอนุมูลอิสระที่กระตุ้นให้ชรา
7. มะม่วงสุก
นอก
จากปริมาณของเบต้าแคโรทีนที่สูง
ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส และสายตาแข็งแรงแล้ว
มะม่วงสุกยังมีวิตามินซีที่ช่วยในการสร้างคอลลาเจนและต้านอนุมูลอิสระด้วย
ทว่าประโยชน์ของมะม่วงที่แตกต่างจากผลไม้อื่นๆ นั้นคือ มะม่วงมีวิตามินอี
ที่พบได้น้อยในผลไม้
ซึ่งวิตามินอีเมื่อทำงานร่วมกับวิตามินซีแล้วจะต้านอนุมูลอิสระได้ดียิ่ง
ขึ้น และยังมีความจำเป็นอย่างมากในการช่วยให้ผนังเซลล์อยู่ในสภาะปกติ
ช่วยบำรุงสุขภาพผิวหนัง ประสาท กล้ามเนื้อ เม็ดเลือดแดง
และการไหลเวียนของโลหิตในร่างกาย อีกทั้งช่วยให้ปอดทำงานได้ดี หัวใจแข็งแรง
และภูมิต้านทานดีด้วยขณะที่มะม่วงมีใยอาหารปริมาณมาก
ที่ทำให้ขับถ่ายสมบรูณ์
8.
ส้ม & เกรปฟรุต ที่
จับมารวมกัน เพราะผลไม้อสองชนิดนี้ มีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกัน
นั่นคือเป็นแหล่งวิตามินซีที่ช่วยรักษาความอ่อนเยาว์
มีโพแทสเซียมที่ช่วยรักษาสมดุลกับโซเดียมในร่างกาย ซึ่งหากปริมาณโซเดียมสูง
ร่างกายจะเกิดอาการบวมน้ำ นอกจากนี้ยังมีกรดโฟลิกและใยอาหารคล้ายๆกัน
ทว่าสิ่งที่แตกต่างกันคือ ในส้มมีวิตามินบี และแคทินนอยด์อยู่
ส่วนในเกรปฟลุตนั่นมีเบต้าแคโรทีน ฟลาโวนอยด์ และ ไลโคพีน
แต่ทั้งหมดล้วนเป็นสารต้านอนุมูนอิสระที่มีประสิทธิภาพ นั่นหมายความว่า
ไม่ว่าจะเลือกรับประทานส้ม หรือ เกรปฟลุต
เราก็จะได้รับสารอาหารที่เกี่ยข้องวกับความงามอย่างครบถ้วน
9. แครอต
เป็น
ผักที่มีเบต้าแคโรทีนสูง
ซึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะถูกเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ
ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อสุขภาพดวงตาและมีประโยชน์ต่อผิวพรรณ
ระบบภูมิคุ้มกันและรระบบการย่อยอาหาร แครอต เต็มไปด้วยใยอาหารและน้ำ
ช่วยฟอกตับ ล้างพิษเป็นแหล่งรวมวิตามินบี ซี อี และซิลิกอน
ซึ่งช่วยทำให้ผิวพรรณเต่งตึงลดรอยเหี่ยวย่น แข็งแรง และดูอ่อนกว่าวัย
10.
อะโวคาโด อุดม
ไปด้วยวิตามินเอ บี ซี อี และกรดไขมันที่จำเป็น
ซึ่งล้วนแต่เป็นวิตามินที่บำรุงความงาม และช่วยต้านอนุมูลอิสระ ดังนั้น
การรับประทานอะโวคาโดจึงช่วยให้ผิวพรรณอ่อนนุ่มมีความยืดหยุ่น แข็งแรง
และไม่เหี่ยวย่น อีกทั้งทำให้เส้นผมเป็นมันเงางาม
กรดไขมันจำ
เป็นในอะโวคาโดนั้นมีทั้งโอเมก้า 3 โอเมก้า 9 ซึ่งช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
และบำรุงผิวพรรณ
อีกทั้งยังมีลูทีนซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันโรค
ตา และโรคหัวใจได้

ผักผลไม้ทุกชนิดล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ ดังนั้นทุกมื้ออาหารก็อย่าลืมรับประทานผัก แล้วก็ตบท้ายด้วยผลไม้แสนอร่อย ด้วยน๊ะค๊ะ ^__^”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น